แกร็กๆ เอ้า กำลังจะไปทำงานรถสตาร์ทไม่ติดอีกแล้ว เป็นอะไรไปนะ จำได้ว่าน้าชายเคยบอกว่าถ้ารถมีอาการประมาณนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีปัญหาที่แบตเตอรี่รถยนต์ หรือว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของเราจะเสื่อมเสียแล้ว !! ไม่ได้การแล้ว โทรศัพท์หาน้าชายดีกว่า เพราะเขามีความรู้เรื่องรถยนต์ดี แถมซ่อมได้ด้วย . . . ซึ่งเราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรถยนต์สักเท่าไหร่ โชคดีมากที่วันนี้น้าชายว่างเลยรีบขับรถมาดูให้ มาถึงน้าชายก็เริ่มเลย ลองสตาร์ทรถดูก็ไม่มีการคำรามของเครื่องยนต์มีแต่ความเงียบได้ยินเพียงเสียง แกร็กๆ น้าชายจึงบอกให้ไปเปิดฝากระโปรง เพื่อจะไปเช็คแบตเตอรี่รถยนต์ น้าชายลองใช้มือหมุนและขยับขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ดูว่าหลวมหรือไม่ . . . เมื่อเช็คจะแน่ใจแล้วขั้วไม่หลวม จึงมาสตาร์ทรถอีกครั้งสายตาก็มองเกจไมล์และน้ำมันเห็นว่าเข็มตก สตาร์ทยังไม่ติด น้าชายจึงบิดกุญแจไปที่ on จากนั้นก็เปิดทุกอย่าง ไฟหน้า ไฟฉุกเฉิน เปิดแอร์แรงสุด เปิดวิทยุ เหยียบเบรก เข้าเกียร์ถอย เปิดกระจกไฟฟ้าคู่หน้า ขึ้นลงพร้อมๆกัน ทำทุกอย่างโดยไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเช็คระบบไฟเลี้ยงว่าพอหรือไม่ ความสว่างของไฟลดลงหรือไม่ สายตาของน้าชายก็คอยสังเกตที่เกจไมล์และน้ำมันเข็มก็ยังตกอยู่ จากนั้นก็ดูไปที่กระจก เมื่อเห็นว่ากระจกขึ้นลงแบบหนืดๆ ไฟดูสว่างน้อยลงน้าชายจึงแน่ใจว่า แบตเตอรี่รถยนต์ของเราเสื่อมสภาพแล้วจริงๆ . . . น้าชายบอกเราว่าวิธีข้างต้นเป็นวิธีการตรวจเช็คอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม และยังบอกเราว่าถ้าจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ก็มีเรื่องต้องรู้หลายเรื่อง น้าชายให้ความรู้กับเราถึงหน้าที่ของแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งทำหน้าที่เก็บสำรองไฟฟ้า ที่ได้มาจากตัวผลิตไฟฟ้าคือไดชาร์จ หากเราขับรถตอนกลางคืนที่ต้องใช้ไฟเยอะไดชาร์จอาจจะผลิตไฟไม่ทัน ระบบก็จะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่รถยนต์มาใช้ จากนั้นก็แนะเรื่องประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์ ว่ามี 2 แบบหลักๆ (แบบแห้ง , แบบเปียก ซึ่งแบ่งออกได้เป็น แบบเติมน้ำกลั่นและแบบกึ่ง)
สุดท้ายก่อนที่น้าชายจะทำการพ่วงแบตเตอรี่จากรถน้าชายมาที่รถเราเพื่อลองสตาร์ทรถอีกครั้ง น้าชายก็ยังสอนเราว่าเราต้องรู้วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ไว้ด้วย ง่ายๆ 3 ข้อ
สามข้อนี้จะมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ออกไปอีก โอ้โห แบตเตอรี่รถยนต์เรื่องต้องรู้จริงๆด้วย เอาล่ะ รถสตาร์ทได้แล้วไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ดีกว่า